HOME

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Placebo effect ความเชื่อและพลังแห่งการรักษา


        ทุกคนคงเคยได้ยินความเชื่อเกี่ยวกับการทานอาหารแปลกๆหรือการใช้พลังจิตรักษาโรค มันจริงเหรอ ? มีตัวอย่างมากมาย เช่น การกินหนูเป็นๆเพื่อบำรุงผิวพรรณ เนื้อสุนัขและแมวเป็นยาบำรุงชั้นเลิศ อุ้งตีนหมีช่วยเพิ่มพลังทางเพศ รวมทั้งการทานตัวอ่อนมนุษย์ที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงต้านทานโรค รวมทั้งในประเทศเรายังมีตัวอย่างอีกเยอะ การรักษาโรคด้วยพลังจิต หรือสารพัดวิธีพิศดารในการรักษา ว้าว ! โลกเรามียาดีขนาดนี้เลยเหรอ แล้วผู้ที่ได้ทานอาหารสุดแปลกหรือผ่านการรักษาโดยใช้พลังจิตมาแล้วนั้นได้ผล ตามที่ว่าจริงหรือเปล่า ? มาอ่านบทความเรื่องนี้กันครับ


        เรามารู้จักคำว่า Placebo (ยาหลอก) กันก่อนดีกว่า รากศัพท์มาจากภาษาละติน แปลว่า "ฉันจะทำตามนั้น" ถูกใช้ครั้งแรก ในศตวรรษที่ 14 สำหรับผู้ที่ถูกจ้างให้ไปร้องไห้ตามงานศพ และคำว่า Placebo ถูกบัญญัติใน New Medical Dictionary ในปี 1785
        ในปี 1794 แพทย์ชาวอิตาเลียนชื่อ เกอร์บี้  ใช้สารคัดหลั่งจากหนอนในการรักษาอาการปวดฟัน เขาพบว่า 68% พบว่าคนไข้มีอาการปวดฟันหายปวดไปหนึ่งปี ซึ่งจริงๆแล้วสารคัดหลั่งจากหนอนนั้นไม่มีต่อการรักษาใดๆเลย
         และเราสามารถสั่งซื้อ ผงมัมมี่อียิปต์แท้ จากแคตตาล็อก บริษัท อี.เมิร์ก  จนถึงปี 1908 ด้วยสรรพคุณของผงมัมมี่แท้ๆนั้นสามารถรักษาโรคลมบ้าหมู ฝีหนอง ผื่นคัน แผลแตก อัมพาต ไมเกรน แผลผุผอง (ว่ากันว่าหมอของประธานาธิบดีลินคอล์นได้ใช้ผงมัมมี่รักษาให้กับประธานาธิบดีลินคอล์นด้วย)
        ในปี 1955 เลียวนาร์ด ค็อบบ์ ศัลยแพทย์โรคหัวใจในซีแอตเทิล เขาได้ทดลองกับคนไข้โดยการผ่าตัดหัวใจโดยวิธีผ่าตัดผูกหลอดเลือด (นิยมทำมาตั้งแต่ปี 1950 เพื่อรักษาอาการเจ็บหน้าอก) โดยครึ่งนึงของคนไข้เป็นการผ่าตัดหลอกๆ (แต่มีรอยแผลจริงๆ) ที่เหลือทำการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว พบว่าคนไข้ทั้งสองกลุ่มมีอาการเจ็บหน้าอกทุเลาลงเป็นเวลาสามเดือน และจากการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจเทียบกันระหว่างผู้ที่ได้รับการผ่าตัดจริงๆกับผ่าตัดหลอกๆ พบว่าได้ผลไม่ต่างกัน


        ปี 1993 การผ่าตัดส่องกล้อง ตัดกระดูกอ่อน เพื่อรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีการทำกันอย่างแพร่หลาย เจ. บี. โมสลีย์ ศัลยแพทย์กระดูก ได้สงสัยในวิธีการนี้ เขาใช้อาสาสมัคร 180 คน แบ่งผู้ร่วมทดลองออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกมีการตัดกระดูกอ่อน กลุ่มที่สองทำเหมือนกันหมดคือผ่าตัดสอดกล้องแต่ไม่ตัดกระดูกอ่อน กลุ่มที่สามคือเป็นการผ่าตัดหลอกๆ ไม่มีการสอดเครื่องมือใดๆลงไปเลย สองปีจากนั้น คนไข้ทั้งสามกลุ่มมีอาการดีขึ้น เดินได้ดีขึ้นและ อาการปวดเข่าทุเลาลงเหมือนกันหมด เรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ปี 2002 แน่นอนทำให้เกิดการโต้เถียงในวงกว้างเลยทีเดียว
      ปี 2003 มีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง พบว่าคนไข้มากกว่าหนึ่งในสามได้รับยาปฎิชีวะแก้เจ็บคอ ซึ่งถูกพบภายหลังว่าติดเชื้อไวรัส ซึ่งไม่สามารถฆ่าได้ด้วยยาปฎิชีวนะ การใช้ยาหลอกนั้นยังคงเกิดขึ้นตลอดเวลายังมีการทดลองเกี่ยวกับการผ่าตัดเยื่อพังผืดจากหน้าท้อง เพื่อรักษาอาการปวดท้องเรื้อรั้ง พบว่า การผ่าตัดแบบหลอกๆก็สามารถรักษาอาการปวดท้องได้เช่นกัน ยังมีการทดลองคล้ายคลึงกันในยากลุ่มรักษาอาการหัวใจเต้นผิดปกติ และยาที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า ซึ่งก็ได้พบว่าการรักษาแบบหลอกๆนั้นก็ได้ผลเช่นกัน โดยในกลุ่มโรคซึมเศร้านั้น การใช้ยาหลอกๆ ได้ผลสูงถึง 75%

ปัจจุบันนี้ยังมีการจ่ายยาที่เป็น Placebo ให้แก่ผู้ป่วยอยู่ในหลายกลุ่มอาการ

        แน่นอนเรื่องนี้ ในทุกๆการทดลองเกิดจากปัจจัยพื้นฐานในเรื่องของความเชื่อ และความมั่นใจของผู้ถูกรักษาต่อตัวยา หรือ ต่อแพทย์ และเกิดจาก กลไกเช่นเดียวกับ สุนัขของพาฟลอฟ (สุนัขน้ำลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง) ร่างกายอาจมีการหลั่งสารเคมีหรือฮอร์โมนออกมาเมื่อเกิดการคาดหวังต่อการรักษานั้นๆก็เป็นไปได้
        การใช้พลังจิตรักษา หรือการทานอาหารสุดพิสดารก็เช่นกัน เรื่องเหล่านี้อาจให้ผลจริงๆ เช่นเดียวกับการทดลองจ่ายยาปลอม หรือผ่าตัดปลอมๆก็เป็นไปได้  การรักษาเหล่านี้อาจเกิดจากพื้นฐานความเชื่อที่เข้มแข็ง และ ศรัทธาที่เต็มเปี่ยมของผู้ที่เชื่อในผลของสิ่งนั้นๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่เรื่องผลของมัน แต่เราสังเกตได้ว่าเรื่องที่เล่ามานั้น มีการทำการทดลอง และ มีการยืนยันผล ที่แน่ชัด แต่หลายๆความเชื่อเกี่ยวกับอาหารต่างๆ พลังจิตรักษาโรค เรื่องเหล่านี้ยังไม่มีการทดลองหรือการพิสูจน์ที่แน่ชัด อาจเป็นเพราะคนเหล่านั้นรู้อยู่แล้วว่านี้คือของปลอม หรือใช้เพื่อผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้การพิสูจน์เป็นเรื่องยากลำบาก หรือ อาจเพราะเมื่อจะมีการพิสูจน์ใดๆก็ตาม ต่างฝ่ายต่างใช้อคติและแง่ลบเข้าหากัน ทำให้สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
        แต่หากสิ่งเหล่านี้ได้ผลจริงๆล่ะก็ บางครั้ง ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นหาของที่กินยาก หรือทำร้ายสัตว์จนยากที่หลายคนจะทนรับได้ หรือต้องออกไปค้นหาเดินทางข้ามประเทศ ข้ามจังหวัดเพื่อหา นักพลังจิตที่รักษานู้นนี้นั้นได้ บางทีแค่ความรัก ความเอาใจใส่ ความห่วงใย และความเชื่อที่เปี่ยมล้น อาจจะทำให้ชีวิตของใครบางคนดีขึ้นก็ได้นะครับ




สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
หนังสือ PREDICTABLY IRRATIONAL
หรือดูอาหารสุดแปลกได้ที่ http://www.ilovetogo.com
อยากรู้เกี่ยวกับ พลังจิตรักษาโรค สามารถใช้ google ค้นหาได้เลยครับ มีเพียบเลย !!

2 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. เหมือนกับกรณีพวกยาที่ช่วยลดน้ำหนักใช่มั้ย เคยอ่านอยู่เหมือนกัน. ที่ว่าเอาแคปซูลยาใส่แค่ผงแป้ง เป็นยาหลอกๆ แต่คนกินเชื่อว่าจะทำให้ลดความอ้วนได้แล้วก็ลดได้จริงๆ แสดงว่า จิตใจของเรามีผลต่อร่างกายของเรามากสินะ ^-^ ร่างกายมนุษย์มีความมหัศจรรย์และเต็มไปด้วยปริศนาที่ยังรอการแก้อีกมากมายเลยทีเดียวจริงๆ น่าสนใจนะเรื่องแบบนี้ ขอบคุณนะคะ ^-^

    ตอบลบ